กลับ

Road to Wealth: เปิดโผกองทุนอินฟราฯ น่าลงทุน

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บล.กสิกรไทย มีมุมมองเป็นบวกต่อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) เนื่องจากมีการประมูลเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และด้วยเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนและความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้ตลาดทุนมีความผันผวน กองทุนรวมอินฟราฯ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยและมีอัตราผลตอบแทนที่น่าดึงดูด

โดย บล.กสิกรไทย ให้คำแนะนำสำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานรายตัว ดังนี้

กองทุนรวมที่มีสิทธิความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ (Freeholds)

  • กองทุน DIF แนะนำให้ “ซื้อ” เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนปันผลที่สูง พร้อมกับมีสัญญาเช่าที่แน่นอนกับ TRUE แล้ว 20 ปี อีกทั้งการใช้บริการด้านข้อมูลที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและการมาถึงของเทคดนโลยี 5G สามารถดึงดูดอุปสงค์ได้ โดยมีราคาเป้าหมายปี 2562 อยู่ที่ 15.70 บาท
  • กองทุน JASIF แนะนำให้ “ซื้อ” โดยคาดว่าราคาหุ้น JASIF จะปรับสูงขึ้นในเร็วๆ นี้เมื่อมีการอนุมัติข้อตกลงการเข้าซ้อสินทรัพย์ ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลให้สูงขึ้น ยังช่วยขยายกรอบเวลาด้านกระแสรายได้ค่าเช่าของ JASIF ออกไปอีก 13-15 ปีอีกด้วย โดยมีราคาเป้าหมายปี 2562 อยู่ที่ 11.21 บาท

กองทุนรวมที่มีสิทธิการเช่า (Leasehold)

  • กองทุน TFFIF เป็นกองทุนที่เด่นที่สุดในกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบสิทธิการเช่าซื้อ เนื่องจากมี Upside จากการมีสินทรัพย์เพิ่ม เนื่องจากกระทรวงการคลังคาดการณ์ขนาดกองนี้อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท แต่แผนปฏิบัติการด้านขนส่งของรัฐบาลต้องใช้งบประมาณถึง 2 ล้านล้านบาท และกองนี้ยังมีความสามารถกู้ได้เพิ่มเติม จึงมีโอกาสที่สินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งอายุสิทธิคงเหลือถึง 29 ปี มีกระแสรายได้ที่มั่นคงและมีความผันผวนต่ำ โดยมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 13.31 บาท
  • กองทุน ABPIF แนะนำให้ “ซื้อ” เนื่องจากไม่มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมประเมินว่าจากราคาปิดล่าสุด ABPIF จะให้อัตราผลตอบแทนหุ้นรวม (TSR) ที่ 12.97% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า (นับจากวันที่ 26 เมษายน 2562) โดยมีราคาเป้าหมายปี 2562 อยู่ที่ 6.10 บาท
  • กองทุน BRRGIF แนะนำให้ “ถือ” เนื่องจากมีกระแสเงินสดที่มั่นคงตลอดอายุสัญญา แต่มี Upside ที่จำกัดจากการเติบโตของรายได้สุทธิจากธุรกิจหลักและการอัดฉีดสินทรัพย์เพิ่มเติม โดยมีราคาเป้าหมายที่ 10.50 บาท
  • กองทุน BTSGIF แนะนำให้ “ขาย” เนื่องจากตลาดมองบวกมากเกินไปต่อโอกาส upside จากการอัดฉีดสินทรัพย์ใหม่และการเติบโตของผู้โดยสารจากการขยายเส้นทางใหม่ โดยราคาเป้าหมายปี 63 อยู่ที่ 9.03 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาในปัจจุบันที่ 12.30 บาท
  • กองทุน EGATIF แนะนำให้ “ขาย” เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนตลาดต่ำ และ Upside โครงการใหม่จาก กฟผ.ค่อนข้างจำกัด อีกทั้งมีมูลค่าแพง โดยมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 9.83 บาท ซึ่งคาดการณ์มูลค่าปัจจุบันสุทธิตั้งแต่ปี 2562-2578 ที่ 8.89 บาท

ที่มา: https://www.moneyandbanking.co.th